top of page

สอนแม่จัดระเบียบบ้าน (ไม่ง่ายนะจ๊ะ) ภาค ตะลุยแดนพิศวง (3)

สิ่งที่ทำได้ยากที่สุดของการจัดระเบียบบ้าน คือการตัดสินใจ ว่าจะ “เก็บ” หรือ “ทิ้ง”

การตัดสินใจว่าจะเก็บหรือเลือกสิ่งของ มันคือการเผชิญหน้ากับตัวเอง ผ่านสิ่งของนั่นเอง

ถ้าเราลองอ่านหนังสือการจัดระเบียบบ้านจากทั้งไทย ต่างประเทศ เว็บไซต์ youtube เราพบว่ามีเทคนิคในการให้เลือกตัดสินใจมากมาย เช่น

1. พิจารณาจากอารมณ์หรือความรู้สึก สิ่งของแต่ละชิ้นยังปลุกเร้าตัวคุณ (spark joy) หรือไม่ พิจารณาจากความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเรา เมื่อสัมผัสกับสิ่งของแล้วทำให้เรา มีความตื่นเต้น ชื่นชอบกับของนั้นอีกไหม ถ้าใช่ให้เก็บไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ให้ทิ้งไป วิธีแบบนี้ค่อนข้างดี และใช้ได้ผล เป็นวิธีที่ Konmari นักจัดระเบียบบ้านชาวญี่ปุ่นแนะนำ 2.คุณภาพหรือสภาพของสิ่งของ พิจารณาว่าจากสภาพการใช้งานได้อีกหรือไม่ เช่น กระเป๋าเก่า เสื้อผ้าขาด ย่อมจะตัดสินใจในการเลือกทิ้งได้ง่าย

3. เวลา คือการพิจารณาว่าในช่วงระหว่าง 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ที่ผ่านมา เราเคยหยิบใช้สิ่งของนั้นบ้างหรือไม่

และแน่นอนว่า หลักเกณฑ์จากความรู้เหล่านี้ ใช้กับแม่ไม่ได้เลย!!!!

ถ้าถามว่าใครเป็น “ศัตรูทางธรรมชาติ” ของการจัดระเบียบบ้าน เราตอบได้ทันทีเลยว่า “มนุษย์แม่” นี่เอง

คนในรุ่นราวคราวเดียวกันนี้เขาเติบโตมาในยุคของ Baby boom ที่เติบโตมากับยุคที่เต็มไปด้วยความขาดแคลน จึงต้องใช้สิ่งของด้วยความประหยัด การเก็บ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

หากลองให้มนุษย์แม่เลือก “เก็บ” หรือ “ทิ้ง” แม่มักจะให้เหตุผลว่า “เก็บเอาไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวอนาคตต้องใช้” หรืออย่างถุงพลาสติก หรือกล่องกระดาษที่มีเก็บไว้เยอะมากจนล้นแล้ว แม่ยังพูดปนบ่นเลยว่า “ของพวกนี้ ถ้าไม่เก็บไว้ เดี๋ยวมันไม่พอใช้”

Do

1.นำของทุกอย่างมากองรวมกันไว้เยอะๆ เพื่อให้แม่ได้เห็นว่า สิ่งของที่เรามีไว้ในครอบครอง จริงๆ แล้วมันมีปริมาณมากน้อยขนาดไหน เพื่อให้แม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งของ (ที่เขาอยู่บนความกลัวว่าจะมีไม่พอ) ด้วยตัวเอง และหลังจากนั้นเราก็ลองให้ใช้วิธีการคัดเลือก อย่างที่กล่าวแล้วข้างบน

2.ให้ถามบ่อยๆ ว่า “ปริมาณ” สิ่งของแต่ละชิ้น เช่น ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ ที่เขาต้องการใช้ จำนวนเท่าไรที่คิดว่าจะพอใจ หรือพอดีต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน (ช่วงนี้จะมีการต่อรองเสมอเพราะแม่มักจะย้ำว่า มีเยอะๆ ไว้อุ่นใจ สบายใจกว่า .. “เดี๋ยวถ้ามีต้องใช้ ก็จะได้มาเอาของพวกนี้ไง” เป็นต้น

3. ระหว่างจัดคอยเน้นว่า ยุคสมัยของความขาดแคลน มันได้ผ่านไปแล้ว ถ้าเราจะเก็บสะสมสิ่งของชิ้นใดก็ตาม เราจะเก็บไว้เพราะสิ่งที่จะได้ใช้จริงๆ ตามจำนวนที่พอดี และเหมาะสม แต่จะไม่เก็บ “เผื่อ” เอาไว้แล้ว (อย่าลืมว่านิสัยของเก็บสะสมสิ่งของไว้มากๆ เป็นสิ่งที่เขาคิด พูด ทำ มานานหลายสิบปีแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะทิ้งหรือส่งต่อสิ่งของได้ง่ายหรือจำนวนมาก ดังนั้น อย่างน้อยถ้าพ่อแม่สามารถทิ้งสิ่งของได้ 1 ใน 3 จากสิ่งของที่มีอยู่ ถือว่าเป็นก้าวแรกๆ ที่สำเร็จแล้ว)

Don't

  1. อย่าบังคับให้พ่อแม่ต้องทิ้งสิ่งของ ตามความต้องการของเรา โดยไม่ผ่านการพูดคุยกันก่อน เพราะจะทำให้พ่อแม่ไม่ได้เรียนรู้การคัดสรรสิ่งของด้วยตนเอง สุดท้ายจะกลับมาบ้านรกเหมือนเดิม

bottom of page