จัดระเบียบบ้าน เปลี่ยนชีวิต - เมื่อการจัดบ้านแบบ KonMari เปลี่ยนชีวิตสาวไทยคนนี้

เรื่อง – PROUD นักจัดระเบียบสิ่งของ

ภาพ - Tipsukhon Calfa - (Certified Konmari Consultant ) , Thailand, USA

Marie Kondo ( Konmari.com ) Japan.

“จงสร้างจุดมุ่งหมายของตัวเอง และใช้ชีวิตเดินไปข้างหน้า สรรหาความรู้เพิ่มเติม ถูกผิด อย่าไปคิดมาก ทุกคนเกิดมามีเวลาเท่ากับเรา กำไรขาดทุนของชีวิต ขึ้นอยู่กับความคิดของเรา”

ถ้อยคำง่ายๆ ที่บอกเล่าแรงบันดาลใจของ ทิพย์สุคนธ์ (สุคนธเกษร) คาวฟ่า สาวไทยที่หลงใหล การจัดระเบียบสิ่งของ และมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอเรียนจบบริหารธุรกิจในไทย ก่อนจะไปสร้างครอบครัวและอาศัยอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันเธอได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเสริมสวยความงาม และที่น่าสนใจกว่าคือเธอเป็นสาวไทยคนแรก และคนเดียว (คนที่ 6 ของโลก) ที่ผ่านหลักสูตรการเป็นที่ปรึกษาการจัดระเบียบบ้าน (KonMari Consultant) กับคนโด มาริเอะ หรือ คอนมาริ นักจัดระเบียบบ้านชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "100 ผู้มีอิทธิพลของโลก" โดย Times ในปี 2015

เริ่มแรก ทิพย์สุคนธ์ มีอาชีพประจำคือทำงานเต็มเวลาและเป็นแม่บ้านดูแลทุกอย่างในบ้าน ซึ่งงานดูแลจัดระเบียบข้าวของในบ้านทั้งของตัวเองและสมาชิกที่ไม่ชอบให้ความร่วมมือเหล่านี้ทำให้เธอต้องคอยจัดระเบียบดูแลบ้านอยู่ตลอดเวลา เธอเรียนรู้เทคนิคการจัดระเบียบต่างๆ ผ่านการอ่านหนังสือ อินเทอร์เน็ต ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แต่กลับค้นพบว่า มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้บ้านสวยใส เป็นระเบียบได้อย่างที่ตั้งใจ

จนวันหนึ่ง เธอได้ดูวีดีโอการสอนพับผ้าของคนโด มาริเอะ ทำให้เธอรู้สึกทึ่งและประทับใจมาก จนไปหาหนังสือเสียง The Life-Changing Magic of Tidying Up (ชื่อภาษาไทยว่า ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว) มานั่งฟังถึง 9 ครั้ง หัดลองจัดด้วยตัวเอง และค้นพบความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้น

จนเมื่อคอนมาริ เปิดหลักสูตรการอบรมเป็นที่ปรึกษาฯ ในสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น เธอจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปอบรมในทันที

ทำไมถึงสนใจการจัดระเบียบบ้าน?

ในชีวิตลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง ได้เงินบ้างไม่ได้บ้างแต่ได้ประสบการณ์เป็นกำไรของชีวิตที่เงินหาซื้อไม่ได้ เลยทำให้เราเลือกได้ว่าชอบและอยากทำอะไร ชอบช่วยเหลือคน ความสงบ ของหอมและดอกไม้ เราจึงเลือกทำงานสปาที่เน้นไปแนวทางการบำบัดรักษามากกว่าการผ่อนคลาย ชอบจัดบ้านเพราะเป็นการฝึกสมาธิและอยู่กับความสงบ ทำความเข้าใจกับตัวเองและสิ่งของ เป็นการพักผ่อนจิตใจไปในตัว เราจึงตัดสินใจเลือกทำงานเป็นที่ปรึกษาการจัดบ้านตามแบบคอนมาริเพราะถูกกับลักษะณะนิสัยของตัวเอง

แรงบันดาลใจเริ่มต้นในการจัดระเบียบสิ่งของ ?

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเริ่มตอนไหน แต่เท่าที่รู้ตั้งแต่เกิด เราเป็นคนนิสัยแบบนี้ ตอนอยู่ชั้นประถมชอบเอากระดาษสีน้ำตาลมาห่อหนังสือเรียนเพื่อไม่ให้หนังสือเก่าเร็ว ทั้งบ้านมีเรานั่งทำอยู่คนเดียว มีตู้เก็บของเล็กๆ เราจะชอบเก็บแล้ว เก็บอีก เก็บจนไม่มีอะไรจะเก็บ อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากคุณพ่อ ที่เป็นคนชอบตกแต่งบ้าน บ้านเราไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรแต่พ่อสามารถเปลี่ยนของเท่าที่มีอยู่ให้เป็นของใช้ประโยชน์ได้อย่างน่าดูชม นักประดิษฐ์เรียกพี่เพราะแกเจ๋งจริง ปัจจุบันเราได้นิสัยนี้มาจากคุณพ่อเวลาไปจัดบ้านใครมักจะช่วยปรับเปลี่ยนของที่มีอยู่แล้วให้ใช้งานได้ โดยที่ไม่ต้องไปหาซื้อมาใหม่

เริ่มต้นมาอบรมเป็นที่ปรึกษาการจัดระเบียบสิ่งของ (KonMari Consultant) ได้อย่างไร?

ลูกและสามี ชอบทำบ้านรกประจำ และทั้งสองไม่ใช่คนชอบช่วยเก็บบ้าน ส่วนเราทำงานก็เหนื่อยอยู่แล้ว พอกลับบ้านมาต้องมาเก็บบ้าน พอนานวันเข้า เราสติแตก เครียด พาลลงที่ลูก สามี เพื่อนร่วมงาน แมว หมา รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่ผ่านหน้า อารมณ์ไม่คงที่ พาลเอาร่างกายทรุดโทรมป่วยง่าย เพราะเครียด

พอต่อมา เราหาวิธีพับผ้าแบบพวกมืออาชีพในYOUTUBE เจอ มาเรีย คอนโดะ (Konmari)เลยตามดูไปเรื่อยๆ ลองฟังหนังสือเสียงภาษาอังกฤษ เพราะขี้เกียจอ่านหนังสือ บวกกับไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษมาก กลัวต้องเปิดคำแปลจนถอดใจก่อน ฟังเอาน่าจะพอเดาๆ ได้ ในใจคิดแบบนั้น ไม่มีหนังสือไทยช่วงนั้น ฟังเสร็จ ก็ส่งอีเมลไปที่บริษัท มาเรีย คอนโดะ บอกว่า อยากเรียนกับเธอเมื่อไหร่เปิดสอนนอกประเทศญี่ปุ่นบอกด้วยนะ หรือไม่เราจะบินไปเรียนที่ญี่ปุ่นเอง แต่ขอเก็บเงินก่อน พูดญี่ปุ่นก็ไม่ได้ หาสามีญี่ปุ่นก็ไม่ทันแล้ว ต่อมาไม่เกินหกเดือนเราได้เข้าเรียนที่ นิวยอร์ค เป็นคอร์สแรกของโลกที่เปิดสอนนอกประเทศญี่ปุ่น และเราเป็นคนไทยคนเดียวในห้อง ค่าเรียนตอนนั้น หนึ่งพันห้าร้อยเหรียญ หลังจากเรียนต้องทำการบ้านส่งห้าสิบชั่วโมงอย่างต่ำ เราทำมากกว่าห้าสิบเพราะทางคอนมาริขอข้อมูลเพิ่มเติม กว่าจะได้เข้าสอบรอบสุดท้าย

คนที่เข้ามาอบรมเป็นคนประกอบอาชีพด้านใดบ้าง?

คนที่มาเรียนส่วนใหญ่เป็นคนมีการศึกษา เจ้าของกิจการ ทนาย นักออกแบบบ้าน นักจัดบ้าน ครู ผู้บริหาร เราไม่ค่อยเห็นแม่บ้านกับนักเรียนในรุ่นแรกที่เรียนกันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีงานหลักๆ อยู่แล้ว ส่วนใหญ่คนที่มาเรียนอยากจะจบและสอบผ่านเอาไปเป็นอาชีพไม่ว่าจะหลักหรือรองแล้วแต่โอกาส

ระยะเวลาในการอบรม?

สัมมนากันสามวันเต็ม เก้าโมงถึงห้าโมงเย็น และทำการบ้านส่งตามระบบ

อะไรคือโจทย์ที่ยากที่สุดในระหว่างการอบรม ?

หลายคนบอกยาก ไม่ผ่านกันสักที แต่เราว่าไม่ยากมาก แต่ก็ไม่ง่ายทีเดียว ใช้ใจที่ชอบและพิจารณาค้นหาที่มาที่ไป รวมทั้งการพูดคุยทำความเข้าใจกับลักษณะนิสัยใจคอของเจ้าของบ้านและสิ่งของถึงแม้จะมองไม่เห็นว่ามีตัวตน

ความประทับใจในคลาสเรียน ?

ประทับใจที่เราเป็นคนไทย รวมไปถึงคนอื่นๆ ชมว่าเราพับผ้าสวย ดูมีความสุขเวลาพับผ้า ไม่มีอะไรไกลเกิน ถ้าเราพยายามบวกกับความตั้งใจ

ปัจจุบันกำลังเริ่มต้นทำงานด้านที่ปรึกษาอย่างไร ?

จริงๆ ก่อนเรียนก็ใช้ ความรู้เกี่ยวกับการจัดบ้านและสิ่งของมาตั้งแต่เล็กๆ ผ่านจากการดู การอ่าน การเห็น การสังเกตุ และใจชอบ โดยเฉพาะเห็นคุณพ่อ พอมีโอกาสได้เรียนเพิ่มเติมในสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการจัดการ การจัดบ้าน ธุรกิจสปา งานด้านเมดิคอล งานด้านศิลปะ และอื่นๆ ความรู้ที่ได้มามักจะบอกตัวเองเสมอว่าขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราได้เรียนอย่างที่เราตั้งใจรวมทั้งมีโอกาสพัฒนา เพื่อแบ่งปันสู่คนอื่น ปัจจุบัน เราเป็นเจ้าของบริษัทจัดบ้าน ไม่ใหญ่มาก และทำงานสปาที่โรงแรม และเป็นแม่บ้านดูแลลูกและสามี และช่วยสามีทำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ยังพอมีเวลาว่างอยู่ บริษัทไหนที่เมืองไทยรับสมัครก็บอกได้ (ยิ้ม)

เคยลองไปจัดงานให้ลูกค้า แล้วเจอเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าประทับใจบ้างไหม?

ลูกค้างงว่า สามารถช่วยจัดการกับข้าวของกองโตให้เป็นระเบียบได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยที่ไม่เครียด บางคนไม่เคยจัดการกับข้าวของตัวเองเลยเป็นเวลามากกว่าสิบปี บางคนหาของชิ้นหนึ่งมาหลายปี พอเราเข้าไปช่วยแค่สิบนาทีก็หาเจอ ทำเอาน้ำตาไหล คนบอกว่าโรคภูมิแพ้ดีขึ้น หายใจโล่งขึ้น ฝันดี แต่มีบางคนโทรมาบอกว่า รักภรรยามากขึ้น ไม่รู้มันเกี่ยวกันยังไง แต่ก็ดีกว่ารักน้อยลง

ลองจัดบ้านเองแล้ว และต้องอยู่กับสมาชิกในบ้านที่ไม่ได้เรียน เราให้คำแนะนำหรือชักชวนให้เขาจัดยังไง?

อันนี้เป็นคำถามยอดฮิต ทุกครัวเรือนต้องถามเวลาไปจัดบ้าน เป็นธรรมดาที่เราจะต้องคันไม้คันมือคันปากและสมอง ที่อยากจะบอกและสอน รวมทั้งบ่น แต่เราต้องทำใจว่าคนทุกคนย่อมมีความแตกต่างทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งตัวเราเอง ถ้าเราไม่ชอบให้ใครมาทำแบบไหนกับเรา ก็ขออย่าได้ปฎิบัติกับคนอื่นแบบนั้น ให้จัดข้าวของในส่วนของตัวเองให้มีความสุขและพอใจ เมื่อเราพอใจและมีความสุข เราจะไม่ไปสนใจเรื่องของคนอื่นมาก เมื่อคนอื่นเห็นความสุขของเรา เขาจะดูว่าเราทำอย่างไร เมื่อเขาถามเราก็ให้คำแนะนำ อย่าไปบังคับ

คนไทยให้ความสนใจในการจัดระเบียบบ้านบ้างไหม?

คนไทยเราให้ความสนใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกว่าอยู่ในสายเลือด สังเกตจากการทำขนมห่อใบตอง การพับผ้า การใส่ผ้าของคนสมัยก่อน การทำความสะอาดบ้าน

กระแสการจัดระเบียบบ้านในเมืองนอกเป็นยังไงบ้าง?

เราไม่ค่อยได้โฆษณาตัวเองเท่าไหร่ เพราะยุ่งอยู่แล้ว ไม่อยากให้ยุ่งกว่านี้ เวลาคนติดต่อมามากแล้วเราไม่ตอบกลับ อาจทำให้เขาไม่พอใจ เราทำเท่าที่ทำได้ ดูแลลูกกับสามีเป็นหน้าที่หลักให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข พูดถึงภาพรวม อาชีพการจัดบ้านยังโตได้มากที่เมืองนอก คนเอเชียอย่างเรามีความเป็นคนละเอียดเป็นทุนเดิม เป็นจุดเด่นที่แตกต่าง

อาชีพที่ปรึกษาด้านการจัดระเบียบ มีข้อน่าสนใจยังไงบ้าง?

ข้อดีขึ้นอยู่กับตัวบุคล สำหรับเรา ทำอะไรที่ใจรัก มีความสุขเกินคำบรรยาย คงมีคนไม่น้อยบนโลกใบนี้ชอบอยู่ในที่ ที่เป็นระเบียบ สะอาด รายล้อมไปด้วยของที่ตัวเองชอบ กลิ่นหอม ส่วนค่าตอบแทน อันนี้ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพของสังคมที่เราอยู่ว่าควรจะคิดกันเท่าไหร่ คิดมากไป ใครจะจ้าง คิดน้อยไป ใครจะทำ คิดค่าจ้างแบบเหมาะสม ไปคุยกับลูกค้าไปดูบ้านเขาครั้งแรก ลองสังเกตทัศนคติ ไม่แน่เราอาจจะทำงานร่วมกันไม่ได้

ส่วนข้อเสียของอาชีพนี้ ให้ลองคิดดูว่าเราเคยรักใครสักคนไหม เวลาเราแต่งงานแล้ว ถึงแม้เขาจะมีข้อเสียแต่เราให้อภัยและพยายามปรับตัวเข้าหากัน มันก็จะผ่านไปได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็แก้ไขตามสถานการณ์ อันนี้ต้องเจอโจทย์ต่อหน้าถึงจะตอบได้

ข้อแนะนำสำหรับคนที่สนใจอยากลองมาประกอบอาชีพด้านนี้ ?

อันดับแรก หาที่เงียบๆ สบายใจๆ หรือที่ที่เราชอบ คนไหนชอบตอนสามีออกไปทำงานแล้วบ้านสงบๆ ก็เอาจังหวะนั้น นั่นแหละ ถามหัวใจตัวเองว่าเราชอบงานด้านนี้รึเปล่า เราชอบเพราะว่าเราชอบจัดแต่บ้านของเรา หรือเราชอบออกไปจัดของบ้านคนอื่นด้วย เราขี้หงุดหงิดง่ายหรือไม่ เวลาคนถามโน่นถามนี่ งี่เง่าจะเอาแต่เก็บของ ไม่ฟังเรา บอกให้ทำก็ไม่ทำ หรือเราเป็นคนเบื่อการทำงานต่อเนื่องไหม พยายามถามคำถามตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเราชอบงานนี้จริงๆ ก่อนที่จะเอาตัวเองไปทำ อย่าทำเพราะชื่อเสียงหรือเงิน ความสุขจากภายในจะไม่สามารถออกมาสู่ภายนอกถ้าคุณไม่มีความสุขในสิ่งที่คุณทำ ใครอยากเรียนจะสอนให้ถ้ามีโอกาสได้กลับไปรับใช้แผ่นดินไทย โอกาสมีทุกที่ ขอแค่ตั้งใจ และทำจริง

ข้อคิดง่ายๆ ที่อยากฝาก สำหรับคนที่สนใจการจัดระเบียบบ้าน ?

ลงมือทำเลย ไม่ต้องไปสนใจว่าเวลาไหน เริ่มเลย อย่าไปคิดมาก วางแผนมาก ตั้งท่ามาก จะเหนื่อยก่อน ให้อ่านหนังสือเล่มแรกของ มาเรีย คอนโดะ “ ชีวิตดีขึ้นทุกๆด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว” เพื่อเป็นแนวว่าอะไรควรเริ่มก่อนหลัง จะได้ไม่สติแตกก่อน เห็นผลการจัดเพราะไม่อยากตัดใจจากของชิ้นไหน หรือสับสนเป็นปลาในวังวน สุดท้ายท้อใจก่อน

ส่วนคนอยากทำเป็นอาชีพ ถ้าอ่านมาทั้งหมดแล้ว ยังอยากติดตามอ่าน และยังสนใจความเป็นไปทุกขั้นตอน รวมทั้งอ่านหนังสือแล้วก็ลองเริ่มจากที่บ้านตัวเอง จัดของตัวเองก่อน หลังจากนั้นก็ลองเริ่มจากคนในบ้านถ้าเขาร่วมมือ และสมัครใจให้เราช่วย แนะนำให้เข้าเรียนถ้ามีเปิดสอน จะได้เจอเพื่อนๆ ที่ชอบ และแนะนำหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอด จนมีแนวทางจากแหล่งต่างๆ รวมทั้งเป็นกำลังใจซึงกันและกัน

ในบางประเทศเป็นใบเบิกทางธุรกิจ บางคนชอบถามว่ามีดีกรีอะไรมาจัดบ้านของฉัน แต่เราทำเพราะใจรัก ที่เหลือคือผลพลอยได้ ทุกๆ วันที่จัดเก็บบ้านให้พยายามถ่ายรูปไว้ จะได้เอาไว้เป็นกำลังใจว่า เราก็ทำได้ คนเราเกิดมามีโอกาสเท่ากัน ลองผิดลองถูกไม่เห็นจะเป็นไร ชีวิตของเรา เลือกที่จะสั่งสมประสบการณ์ได้ อย่างน้อยก็ขึ้นชื่อว่าได้ลองทำ

..............................

*** สำหรับคนสนใจรับคำปรึกษาจาก PROUD เพื่อให้เดินทางไปช่วยจัดระเบียบสิ่งของถึงบ้าน ติดต่อสอบถามเพจ "PROUD นักจัดระเบียบสิ่งของ" www.facebook.com/proud.tidy นี้ได้ค่ะ

*** หมายเหตุ

บทความนี้ PROUD เป็นผู้สัมภาษณ์ เรียบเรียงและเผยแพร่ที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากคุณทิพย์สุคนธ์ คาวฟ่า หากต้องการนำบทความไปใช้กรุณาให้เกียรติด้วยการอ้างอิงชื่อผู้เขียน/เจ้าของเรื่องและ link กลับมายังบทความต้นฉบับ หากนำไปเผยแพร่ด้วยวิธีการอื่นๆ หรือดัดแปลงเปลี่ยนแปลงเนื้อหาให้แจ้งขออนุญาตผ่านทางfacebook เพจ PROUD นักจัดระเบียบสิ่งของ หรือแจ้งที่ pam.xumsai@yahoo.com ก่อนนำไปลงในที่ต่างๆ เพื่อไม่ให้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของบทความนี้