จัดระเบียบหนังสือ ให้สอบ (เนติฯ) ผ่าน (ตอนที่ 2-จบ)

PROUD นักจัดระเบียบสิ่งของ
Feb 6, 2017
1 min read

เราคงได้เรียนรู้การจัดระเบียบ ในส่วนประมวลกฎหมายกันไปบ้างแล้ว แต่หนังสือของหวานยังมีอีกหลายประเภทที่เรายังต้องมาจัดระเบียบกันอยู่ค่ะ

หลังจากพักกินข้าวกันแล้ว เราก็พร้อมจะมาลุยกันต่อค่ะ กับหนังสือกลุ่มที่เหลือ คือ

กลุ่ม 2. ตำรากฎหมาย (ตั้งแต่สมัยปริญญาตรี – ปัจจุบัน)

กลุ่ม 3. หนังสือที่ต้องใช้สำหรับการเตรียมตัวสอบ (มีทั้งระดับเนติบัณฑิต ปริญญาโท และภาษาอังกฤษ)

และ กลุ่ม 4. หนังสืออ่านเล่นหรือหนังสือสร้างแรงบันดาลใจทั่วไป

....................................................................................

สำหรับการคัดเลือก หนังสือในกลุ่ม 2 และ 3 นั้น พราวมีเทคนิคมาแนะนำกันง่ายๆ ค่ะ

เบื้องต้นเราลองให้น้องหวานลองคัดเลือกหนังสือ ด้วยตัวเองก่อนซึ่งพราวแนะนำว่า

ตำราที่หมดอายุแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเก็บแล้วค่ะ

เราพบว่าน้องหวาน มีตำราเล่มเดียวกันอยู่หลายเล่ม (ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของอาจารย์คนเดียวกัน หรือวิชาเดียวกันแต่หลายอาจารย์) โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ามีหนังสือซ้ำกันตั้งแต่เมื่อไร เหตุผล ของน้องคือกลัวว่าหนังสือเล่มที่อ่านหลักๆ จะมีเนื้อหาพออ่านสอบรึเปล่า จึงทยอยซื้อเล่มอื่นๆ มาด้วย

หนังสือกฎหมายหลายเล่ม พอเวลาผ่านไป กฎหมายมีการเปลี่ยนแปลง มีการร่างใหม่เพราะฉะนั้น หลักการในเรื่องเดิม จึงล้าสมัย ถึงเวลาที่เราต้องบอกลาเหล่าหนังสือแบบนั้นไปค่ะ การคัดทิ้งในส่วนนี้ จะค่อนข้างตัดสินใจง่าย เพราะเรารู้ดีว่าตำราหลายเล่ม เราไม่สามารถจะอ่านหรือใช้อ้างอิงได้อีกแล้ว

2.ส่วนหนังสือที่ยังไม่หมดอายุ

ให้ลองหยิบมาแล้วถามตัวเองว่า เรามีความจำเป็นต้องการใช้หนังสือเล่มดังกล่าวอีกหรือไม่

อย่ากลัวว่าจะต้องใช้หนังสือเล่มนั้นอีกในอนาคต เพราะเมื่อถึงเวลานั้นเราจะรู้แหล่งข้อมูลที่ค้นคว้าจากแหล่งอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เช่นทางอินเทอร์เน็ต ห้องสมุด หรือการซื้อหนังสือที่ตีพิมพ์ปรับปรุงใหม่แล้ว

3.เก็บหนังสือตำราที่สร้างความทรงจำดี หรือช่วยปลุกใจ

มีหนังสือหลายเล่ม ที่น้องหวานเสียดาย ไม่อยากทิ้ง เพราะชอบวิชาที่เรียน หรือชอบอาจารย์ที่สอน บางเล่มเป็นตำราที่น้องชอบมาก (แบบไม่มีเหตุผลจะอธิบายได้) พอพราวพูดคุยแล้ว การมีหนังสือเหล่านี้บนชั้น ทำให้เจ้าของ “เห็น” แล้วเกิดความสุข เพลิดเพลินหรือได้ระลึกถึงประสบการณ์ที่ดี (หรือช่วยปลุกใจ) การมีหนังสือเหล่านี้ไว้บนหิ้ง แม้เราจะไม่ได้ “อ่าน” แต่เมื่อเรา “ดู” แล้วเกิดพลัง พราวแนะนำให้เก็บไว้ได้ค่ะ เพราะหนังสือเหล่านี้กำลังทำหน้าที่ใหม่ของตัวเองได้อย่างมีคุณค่าแล้วค่ะ

.................................................................................

ส่วนหนังสือกลุ่มสุดท้ายของน้องหวาน คือ “หนังสืออ่านเล่น” พราวเลือกจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทค่ะ คือ

1. หนังสือที่อ่านแล้ว หากมีหนังสือที่ยังชอบอ่านอีก อยากหยิบมาอ่านซ้ำๆ หรือยังประทับใจกับเนื้อเรื่อง เราก็เก็บเอาไว้ได้เลยค่ะ

2.หนังสือที่กำลังอ่านอยู่ เหมือนข้อแรกค่ะ ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบเนื้อเรื่อง เราก็คงต้องบอกลาไปค่ะ แต่ถ้าสนุก ชอบ เราก็ยังเก็บไว้ได้ค่ะ

3.หนังสือที่ยังไม่ได้อ่าน แต่ซื้อไว้นานมากแล้ว ต้องลองพิจารณาดูค่ะว่าบางเล่มเราแค่ต้องการ “ซื้อ” แต่เราไม่เคยคิดจะหยิบมาอ่านเลย ดังนั้น หนังสือนี้ได้ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดของมันแล้วคือสร้างความสุขให้เราตอนที่เรา “ได้ซื้อ” ดังนั้น เรานำหนังสือเล่มนี้ไปมอบให้คนอื่น หรือส่งต่อไป ย่อมดีกว่าค่ะ

..............................................................................

สิ่งของส่วนสุดท้าย ที่ “หนัก” ทั้งน้ำหนักและชวน “หนักใจ” สุดๆ คือ กองเอกสารค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็น เอกสารกฎหมายตั้งแต่ปริญญาตรี และที่เพิ่งใช้ในการสอบที่ผ่านมา น้องหวานมีสะสมไว้เป็นถุงกระสอบใหญ่ๆ ซึ่งเธอชั่งใจอยู่หลายรอบไม่กล้าทิ้งไป เพราะ “กลัว” ว่าในอนาคต จะต้องได้ใช้เอกสารพวกนี้อีก

PROUD จึงช่วยดูเอกสารแต่ละหัวข้อ แล้วแนะนำหลักการในการเลือกตัดสินใจที่จะทิ้งและเก็บไว้หลายอย่างค่ะ

หลักๆ คือให้ดูเอกสารที่มีความจำเป็น “ต้องใช้” อยู่ค่ะ ส่วนเรื่องไหนที่ล้าสมัยไปแล้ว เราก็คัดทิ้งไปได้เลย

...............................................................................

ใช้เวลาอยู่นาน กว่าน้องหวานจะตัดใจปล่อยเอกสารที่เธอกอดไว้มานานหลายปี ให้เป็นอิสระได้

แต่วันที่น้องหวานปล่อยเอกสาร หรือตำราที่ตัวเองกลัวว่าจะ “ไม่รู้” ถ้าไม่มีมัน

PROUD เชื่อว่านี่คือก้าวแรก ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองค่ะว่า ความรู้ ที่แท้จริงแล้ว อยู่ภายในตัวเรา ไม่ใช่อยู่กับกระดาษเหล่านั้น ที่เราต้องถือหรือแบกมันไว้ เพื่อสร้างความอุ่นใจเลย

การจัดระเบียบหนังสือ นอกจากจะช่วยเคลียร์พื้นที่ในห้องแล้ว ยังช่วยเคลียร์ คลังสมองของเราให้มีพื้นที่เปิดรับความรู้ใหม่ๆ ไม่ทำให้ความคิดสับสนปนเป และยังช่วยสร้างความมั่นใจในความรู้ที่ซ่อนอยู่ในตัวเราด้วยค่ะ